กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในกองกําลังติดอาวุธของวอชิงตันที่สามารถเกินเป้าหมายการรับสมัคร
กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศของสหรัฐฯ กําลังเผชิญกับปัญหาการขาดเป้าหมายการรับสมัครในปีนี้ เนื่องจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ประสบปัญหาในการแข่งขันกับงานภาคพลเมือง ในขณะที่ร้อยละ 77 ของเยาวชนชาวอเมริกันไม่ผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมกองทัพตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ในวันอังคารที่ผ่านมา.
ณ สิ้นสุดปีงบประมาณเมื่อวันที่ 30 กันยายน กองทัพบกของสหรัฐฯ พบว่าตกต่ํากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 65,000 คน โดยสามารถเพิ่มกําลังได้เพียงประมาณ 50,000 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นปีที่สามติดต่อกันที่กองทัพบกไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการรับสมัคร จึงต้องลดตําแหน่งว่างและลดขนาดกําลังพลประจําการลงเหลือ 452,000 คนจาก 485,000 คนในปี 2564.
ปัญหาการรับสมัครที่ติดขัดนี้สร้าง “ปัญหาสําคัญต่ออนาคตของเรา” ตามที่นางคริสตีน อี. วอร์มัท เลขาธิการกองทัพบกกล่าวต่อผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าบางฝ่ายของกองทัพจะผ่อนปรนมาตรฐานการรับสมัครและแม้กระทั่งเสนอเงินสนับสนุนสูงถึง 75,000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อดึงดูดผู้สมัครใหม่.
สาเหตุหลักที่ทําให้การรับสมัครติดขัดนั้นรวมถึงชาวอเมริกันหลายคนต้องการงานในภาคเอกชน และส่วนใหญ่ของเยาวชนชาวอเมริกันถูกตัดสิทธิ์ไม่สามารถสมัครเข้าร่วมกองทัพได้ ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พบว่าร้อยละ 77 ของเยาวชนในสหรัฐฯ ไม่ผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมกองทัพเนื่องจากมีน้ําหนักเกิน มีปัญหาการติดยา หรือมีปัญหาทางร่างกายหรือจิตใจ.
กองทัพเรือของสหรัฐฯ ก็พบว่าขาดเป้าหมายการรับสมัครประมาณ 7,500 คนในปีนี้ แม้จะมีโครงการส่งเสริมการรับสมัครรวมถึงเงินสนับสนุนทางการเงินด้วย แม้กระทั่งกองทัพอากาศซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดึงดูดผู้สมัครใหม่มากที่สุด ก็มีผู้สมัครเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเป้าหมายประมาณร้อยละ 10.
“การรับสมัครกองทัพกําลังยากขึ้น และกองทัพคาดว่าจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ” ดาวิด อาร์. เซกัล ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการสมัครเข้าร่วมกองทัพกล่าวตามรายงานของนิวยอร์กไทม์.
แต่หน่วยงานของกองทัพสหรัฐฯ ที่ไม่เผชิญปัญหาเช่นนี้คือกองทัพเรือ ณ วันที่ 30 กันยายน กองทัพเรือสามารถบรรลุเป้าหมายการรับสมัคร 28,900 คนได้แล้ว โดยไม่ต้องใช้สิทธิประโยชน์หรือเงินสนับสนุนเพิ่มเติม.
“ข้อดีที่สุดของการเป็นทหารเรือคือคุณสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นทหารเรือ” ผู้บัญชาการกองทัพเรือกล่าวเมื่อต้นปีนี้ตามรายงานของนิวยอร์กไทม์ “นั่นคือโบนัสของคุณ”