“ไมค์ ภัทรเดช” ฝันเป็นจริง! ตื่นเต้นมีซิงเกิลแรก เล่าโมเมนต์น่ารักจากกำลังใจคนสำคัญ

เรียกว่าเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ สำหรับพระเอกหนุ่มมากความสามารถ ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี ขอพลิกบทบาทมาลองจับไมค์เป็นศิลปิน ภายใต้ค่าย SoulMade Sound สังกัด TERO MUSIC  กับผลงานซิงเกิลแรกในชีวิต รางวัลที่1 ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันที่เจ้าตัวอยากทำให้สำเร็จ

เมื่อ มีโอกาสพูดคุยกับ ไมค์ จึงให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะมีผลงานเพลงแรกเป็นของตัวเอง รวมทั้งความรู้สึกหลังได้จับไมค์เป็นศิลปินแล้ว วางเป้าหมายกับบทบาทใหม่นี้ไว้อย่างไร พร้อมทั้งไม่ลืมพูดถึงความน่ารักจากกำลังใจสำคัญ อย่างนางเอกสาว ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ คอยอยู่เคียงข้างเป็นที่ปรึกษาคนพิเศษ

วันนี้กับโอกาสได้จับไมค์ร้องเพลงมีซิงเกิลครั้งแรกในชีวิต ?

“มันเกิดขึ้นเร็วมาก แบบที่ไม่ได้คิดมาก่อนเลย เกิดขึ้นช่วงปีใหม่ ผมมาสวัสดีปีใหม่ที่ช่อง7 เลยมาที่ตึกข้างๆ ข้างบนเป็นเทโร มิวสิก พอดีCEOอยู่ เราเลยมีโอกาสไปสวัสดีปีใหม่เค้า เลยถามผมว่านอกจากเล่นละครทำอะไรได้บ้าง ผมเลยบอกว่าผมร้องเพลงได้ ชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก เรียนร้องเพลง เรียนการแสดง

งานในช่องเวลาไปอีเวนต์99% คือการร้องเพลง เราชอบมากที่ร้องเพลงให้คนฟังมีความสุข เค้าก็จูงมือผมไปหาโปรดิวเซอร์ทันที เหมือนเป็นพรหมลิขิต (ยิ้ม)เราคุยกันประมาณชั่วโมงนึง คุยถึงมายด์เซตเราว่าอยากทำจริงๆหรือทำเป็นกระแส เราอยากทำจริงๆ เราโตมากับเพลงยุค90 มีความรัก อกหักเราก็มีเพลง เราอยากทำอะไรเพื่อตัวเองก็เป็นเพลง แล้วเลยนัดกัน

ทางทีมได้เอาเพลงมาให้ฟัง จริงๆผมอยากมีเพลงของเรานะ แต่พอฟังจนมาเจอเพลงนี้ รางวัลที่1 ผมชอบเลย ฟังแล้วมีความสุข อยากส่งเพลงนี้ให้คนที่เรารัก ฟังเป็นสิบรอบ เลยเลือกเพลงนี้ เดือนเดียว อัดเพลงกัน ผมชอบทำงานกับพี่เอก Season Five” หรือ “สุดเขต จึงเจริญ”มาก ผมมีส่วนช่วยดีไซน์การร้องให้เข้าถึงอารมณ์คน”

ก่อนมอบกระเช้ามีภาพตัวเองเป็นศิลปินมาก่อนมั้ย ?

“มี ผมอยากทำทุกอย่าง ผมมีเพลงที่ซื้อไว้แต่ไม่มีโอกาสปล่อย อยากทำมานานแล้ว นอกจากเป็นนักแสดงก็อยากเป็นนักร้องนี่ล่ะ”

มันตื่นเต้นขนาดไหน ?

“ตื่นเต้นนะ เราอยู่วงการมา 10 ปี ในฐานะนักแสดง วันนี้มันก็ตื่นเต้นนะ เป็นมาดใหม่ของเรา เพลงมันก็ค่อนข้างน่ารัก”

ภาพคนจำเราคือพระเอก กับการมาอยู่ในฐานะนักร้องเรากดดันมั้ย ?

“ไม่นะ ผมมองว่ามันคือศิลปะเหมือนกัน เหมือนเราเล่นละครอยากส่งต่อความสุข ทำงานเต็มที่เป็นตัวละคร เพลงก็เหมือนกัน เราได้เพลงมา เรามากลืนกินมันจนอยู่ในตัวเรา เราอยากถ่ายทอดเพลงให้คนฟังมีความสุข แค่นั้นเอง ส่วนที่ว่าพระเอกเป็นนักร้องได้มั้ย อยากให้ลองฟัง”

แพลนการทำเพลงต่อไปยังไง ?

“เราไม่ได้มาทำเพราะเห็นเขาทำ เราอยากเป็น อยากลองดูสักครั้ง ตอนนี้ก็กำลังรวมวง เบส กีต้าร์ กลอง คุยกันกับเทโรมิวสิก ว่าอาจจะมีโร้ดโชว์ และกลับมาดูความสามารถตัวเอง มาพัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง ตอนเราเป็นพระเอกเราไปออกงานร้อง2เพลง แต่พอเราเป็นศิลปิน45นาที หรือ 1ชั่วโมงเวทีเป็นของเรา เราต้องเอาให้อยู่ ท่อนนี้ร้องมันส์ๆ ไปกับวง ทำให้คนดูสนุกที่สุด”

เพลงรักละมุนโรแมนติกใส่ฟีลลิ่ง ?

“ตามเนื้อเพลงเลย รางวัลที่1 มันหายาก บางคนซื้อมาทั้งชีวิตก็ไม่เฉียด แต่วันนี้เราเจอแล้ว” ตอนฟังเพลงตัวเองครั้งแรกรู้สึกยังไง? “เพราะมาก(หัวเราะ) เอาไปให้ใครฟังเค้าก็ไม่เชื่อว่าเสียงผม มันก็รู้สึกว่าฝันเป็นจริง มันคือความสุขนะที่ได้เห็นผลงานได้ฟังเสียงตัวเอง ให้คนอื่นฟังแล้วยิ้มเปิดในกองละครเค้าก็ต้องฟังกัน ช่วยกันทำมาหากิน เค้าก็ว่าเพราะกันนะ”

ขี้เห่อขนาดไหนกับซิงเกิลแรก ?

ก็เปิดไปทุกที่ตั้งแต่ยังไม่ออก แล้วก็บอกเค้าว่าความลับๆ”

อย่างเอ็มวีเรามีส่วนร่วมยังไง ?

“เวลาผมทำงานอย่างละคร ผมขอดูบท บทประพันธ์ เพลงผมก็ต้องมาคุยว่าจะเล่าออกมายังไง แต่มันเล่าไม่เหมือนกัน เพราะเอ็มวีมันจะฟุ้งๆอยู่ในอีกโลก ซึ่งออกมาน่ารักดี เป็นหุ่นยนต์ในสไตล์ของผม ที่มีนางเอกดูแล”

แบ่งเวลาทำเพลงกับงานละครยังไง ?

“ละครมีคิวอยู่แล้ว เราจะรู้ว่าเราว่างวันไหนบ้าง เดี๋ยวละครปิดกล้องก็ลุยงานเพลงเลย พร้อมออกทัวร์ มันกลับมาตื่นเต้นอีกครั้งเลยนะ”

ดารานักแสดงมาร้องเพลงกันเยอะ เราต่างจากคนอื่นยังไง ?

“ผมไม่รู้คนอื่นเป็นยังไงแต่ผมเอาจริง ไม่ใช่เห็นเขาทำเราทำ ถ้าคิดอย่างนั้นผมจะไม่คุยเรื่องวง มันเสียเวลา แต่เราชอบ เรามีความสุขที่ได้ขึ้นเวทีแล้วมีวง มันฟิน”

ฝันที่เป็นนักร้องมาถึงฝัน ?

“ก็เรียกว่าฝันเป็นจริงแล้ว มีเพลงของตัวเอง ได้ไปออกรายการในฐานะศิลปิน”

จากมอบกระเช้าสู่การมีซิงเกิลแรก ?

“มันเกิดขึ้นเร็วมาก เดือนเดียว ผมเป็นคนแบบไม่ใช่อะไรก็ได้ ถ้าทำอะไรมันต้องรู้สึก เหมือนการเล่นละคร เราไปกองละคร 8 เดือน การตื่นเช้าไปกองละครเป้าหมายไม่ใช่เงินนะ มันเริ่มจากความรักก่อน ว่าเราอยากเป็นตัวละครนี้ เหมือนเพลง เราอยากทำเป็นความฝัน แต่ถ้าทำเพราะต้องทำ ผมไม่ทำ บังเอิญมันเป็นพรหมลิขิตมากๆเหมือนฝันเลย”

เนื้อหาเพลง โดนกับชีวิตจริงยังไง ?

“ผมว่าฟังแล้วยิ้ม คิดถึงอยากให้แม่ แฟนคลับ ให้คนที่เรารัก เค้ายิ้มแน่นอนว่าสำหรับเรา คุณมีคุณค่าขนาดนั้น ต่อให้มีเงินเป็นพันล้าน พร้อมดาวหมดฟ้า เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม”

ในชีวิตจริงเจอรางวัลที่1 หรือยัง ?

“ยังไม่ถูกครับ ซื้อทุกงวดอยู่แล้ว(ยิ้ม) ผมมองว่าคนเราอย่าพูดเยอะ เราไม่รู้อนาคตแต่คงคิดว่า ใช่ ก็ดูไปครับ เราใช้เวลาพิสูจน์ทุกอย่าง”

เวลาทำบทบาทใหม่ๆ แบบนี้ การมีกำลังใจดีๆ รอบตัวมันช่วยเราได้เยอะมั้ย ?

“คนที่รักเราก็ซัพพอร์ตกันทุกคน พี่ๆ น้องๆ แฟนคลับ เจอใครเจอเพื่อนก็เปิดให้ฟัง เจอปุ๊กลุกก็เปิดให้ฟัง”

ปุ๊กลุกเขาฟังแล้วชอบมั้ย ?

“เขาก็บอก อืม ร้องเพราะจังเลย ใช้ออโต้จูนยี่ห้ออะไรเนี่ย(หัวเราะ) เวลามีงานอะไรหรือทำอะไร บางครั้งเรานั่งคิดคนเดียวว่ามันดี เราอาจจะคิดคนเดียว ตอนได้เพลงมาผมก็ส่งให้คนรอบตัวในความเป็นส่วนตัวของผมฟัง ปุ๊กลุก ป้าต้นเจเอสแอล ที่กอง ให้วิจารณ์มาเลยอย่างตรงไปตรงมา ปุ๊กลุกบอกว่าเพราะฟังแล้วติดหู”

ปกติปุ๊กลุกเป็นคนละเอียดต้องมีคอมเมนต์อะไรบ้าง ?

“คืองานก็อย่างที่บอกพูดได้แต่ว่าสุดท้ายมันแล้วแต่ มุมมองมันจะต่างกัน ผมคบกันก็ไม่ก้าวก่ายงานกัน เราถึงกล้าปรึกษากันหมดไง ผมมีงานก็ปรึกษาMVเป็นอย่างนี้ เขาก็บอกมันนั่นนี่มั้ย ผมบอกไม่รู้เดี๋ยวไปคุยกับผู้กำกับก่อน คุยกันไปคุยกันมาผมก็เอามาคิดสิ่งที่เขาพูด อันไหนมันเป็นความคิดเราด้วยไง ก็ปรึกษากันหมด”

ความคิดเห็นของเขามันช่วยเราได้เยอะไหม ?

“ปุ๊กลุกส่วนใหญ่ช่วยเรื่องละครมากกว่า เพลงเขาต้องปรึกษาผม ตอนเขาไปร้องข้ามกำแพง เพลงนี้ก็คุยโทรศัพท์กัน ท่อนนี้หลบไปเลยใช้เสียงนี้ดีกว่า แต่เรื่องละครผมต้องปรึกษาเขา ปรึกษาแนวคิดเฉยๆ จริงๆ ก็ไม่ได้เก่งทุกอย่างเขามีเรื่องความลึกหลายชั้นของความคิด ภาวะเป็นมนุษย์กว่าจะออกมาได้แต่ละคำพูด คิดอะไรขนาดนั้นเนี่ย เขาเป็นอย่างนั้น แต่เราแค่เอาก้อนเขามาเฉยๆ แต่สิ่งนึงที่ปรึกษากันผมอยากรู้ว่าคนดูอยากเห็นอะไร”

ปุ๊กลุกเขาเป็นกำลังใจสำคัญให้เราอย่างไรบ้าง ?

“ก็กำลังใจสำคัญ คอยซัพพอร์ตกัน ก็อยู่รู้จักกันมานานตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ ก็เจอเขาแล้ว ผมาเจอเขาเป็นเด็กบ้านนอกมาเขาเป็นนางเอกเขาดังแล้ว ประทับใจที่ตอนนั้นเล่น รอยรักรอยแค้น ด้วยกันแล้วเขาช่วยเหลือผม ในวันที่เราไม่สนิทกันเลย เพราะบทผมทำร้ายเขาตลอดเวลา แล้วเขาไม่อยากสนิทกับผมในเรื่องเขาต้องโกรธผมตลอดเวลา แต่มีซีนนึงผมนอกใจเขาหลายครั้ง ในเรื่องนะ ผมก็มาง้อๆ เขาจนเขาใจอ่อน แล้วคำพูดมันยาวมากผมเล่นไม่ได้

จนสุดท้ายเขาขอเวลาพี่ตั้ว 5-10 นาที คุยกับผมเป็นการส่วนตัว ถามผมคำแรกเธอชอบการแสดงมั้ย เออ ชอบดิ เราแนะนำให้มั้ย เอาดิ ต้องการตอนนี้เพราะพูดบทไม่ได้ไง เขาก็เปิดมือถือเขาขึ้นมาเป็นคลิปวีดีโอ คือเขาจะมีผู้ช่วยติดตามเขาตลอด จะถ่ายเบื้องหลัง ถ่ายมอนิเตอร์แล้วก็มาร้อยกันประกอบกับเพลงๆ นึงที่โดนกับความรู้สึกของตัวละครเขา เขาเปิดให้ผมฟังให้ดูตรงนี้ บทไม่เป็นไรเธอทำแค่พ้อยก็พอ แล้วใส่เข้ามาจากข้างใน

ซีนนี้ก็เลยเป็นซีนเอ็มวีโปรดกลับมารักกัน หลังจากนั้นก็แลกไลน์กัน เขาส่งข้อความเต็มเลย การเข้าฉากต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องรู้ที่ไปที่มาความต้องการ ปัจจัยรอบข้างคืออะไร มันเต็มไปหมดเลยผมเซอร์ไพรส์มาก จะเข้าฉากๆ นึงต้องรู้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ทุกคำพูดและคำพูดฝั่งตรงข้ามด้วย ส่งผลอย่างไรกับความรู้สึกเรา”

เขาทำให้กับเราคนเดียวหรือเปล่า ?

“ก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นจุดประทับใจที่ทำให้เราได้เห็นอาชีพนี้ลึกขึ้น ได้เห็นตัวเราที่นั่งเครียดเล่นไม่ดีในวันนั้น จริงๆ เราไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อเทียบกันแล้ว ดูสิ่งที่เขาเป็นสิเขามืออาชีพเขาคือนางเอก แต่เราไม่มีความรู้ขนาดนั้นแล้วจะไปถึงเขาได้ไง เขาเก่งอยู่แล้ว หลังจากวันนั้นจึงตัดสินใจไปเรียนการแสดง”

เราเป็นคู่รักแนวไหน จากที่พูดดูเป็นคนจริงจังกันทั้งคู่เลยไม่ว่าจะทำอะไร ?

“จริงมาก วันนี้คุยกันไม่มีเรื่องส่วนตัวเลย น้อยมาก ถ่ายละครเสร็จสี่ทุ่มเป็นเวลาเลิกกองเหมือนกัน ก็โทรหามีเวลาคุยกันวันละประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ในครึ่งชั่วโมงไม่ถามอะไรเลย เปิดมาคำแรกรู้แล้ว วันนี้ซีนนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เธอว่าเป็นยังไง คิดแต่เรื่องงาน ทุกวันนี้ก็อย่างนี้แต่ผมว่ามีความสุขนะ ผมชอบ ที่แบบในวัยนี้ความฝันคุณยังพลั่งพรูอยู่เลย ยังอยากจะทำอะไรเยอะแยะ เขาก็มีอะไรที่เขาอยากจะทำ แล้วเขาก็มีโอกาสที่ดีในทางของเขาด้วย เขาก็เต็มที่กับมันในการแสดง มีความสุข ชอบๆ มีไฟ ผมชอบคนทำงาน”

การคุยกันครึ่งชั่วโมงเป็นการคุยกันว่าวันนี้ทำอะไร ?

“เลิกกองแล้วเหรอ เหนื่อยมั้ย ถามเป็นมารยาท มีอะไรจะพูดอยู่แล้วว่ามา ก็ปรึกษากัน เป็นเพื่อนกันมาก่อนก็ประมาณนี้ ก็ดูๆ กันไป อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ถึงเวลาไม่อยากพูดมาก สถานะอย่าไปหมุนตามโลกสบายๆ เวลาจะพิสูจน์อะไรของมันเอง ใช่ ไม่ใช่ เรารู้กันเรามีความสุข”

มีมุมผ่อนคลายกันบ้างไหม ?

“ถ้าอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยมี เหมือนจะมีเวลาที่ไม่ค่อยเจอกันก็นัดกินข้าวกัน ส่วนใหญ่ก็ไปกับปุ๊กลุกสองคนบ้าง ไปกับป้าบ้าง ป้าช่วงนี้ก็อยู่กับพวกเราเยอะ ป้าผมบอกสามทุ่มแล้วคุยงานครึ่งชั่วโมง หลังจากครึ่งชั่วโมงนี้ต้องพอ แต่ครึ่งชั่วโมงนั้นมันลากยาวเลย ไม่เผื่อให้พูดบ้างเก็บข้อมูลมาเต็มสมอง เป็นเรื่องเขานะบางทีเล่าๆ ไรให้ผมฟัง ผมบอกเมื่อวานนอนไม่หลับเลย แต่เขาเล่าเสร็จเขาหลับ แต่เป็นเรามานอนคิดต่อไง”

ต้องเป็นคนที่เข้ากันได้ดีมากนะ เพราะถ้าอีกคนไม่ฟังอีกคนนึงก็จบ ?

“เราชอบเหมือนกันไง ชอบงาน อันนี้คือสิ่งที่เราเกิดมากับมัน แล้วมันเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดเรา เป็นสิ่งที่เรารัก เรื่องธุรกิจก็ทำชีวิตเราก็ต้องมีความมั่นคง มีหลายๆ อย่างอื่น แต่ทุกอย่างก็เกิดด้วยความรัก เวลาไปเที่ยวต่างประเศเราจะไม่คุยเรื่องงานกัน ทิ้งเลยๆ แทบไม่อยากกลับเลย เวลาไปเที่ยวไม่มีเรื่องงาน

ป้าจะพูดทุกครั้งต้องแยกให้ออก อย่าเอางานมาเที่ยวด้วยลูก ถ้าป้าพูดแล้วต้องฟังเพราะป้าทำงานหนักกว่าเราอีก องค์กรเขาคนเป็นร้อย เออ ก็จริง ทิ้งให้หมด แต่กลับทุกอย่างที่เราเอามาเป็นไอเดียได้ แต่อย่าเอามาเครียด ถ้าเราออกยนอกกรุงเทพฯ แปลว่าเราอยากพักผ่อนแล้ว แต่ถ้ายังอยู่ที่นี่คือเรื่องงาน”

ไมค์ทำทุกอย่างจากความรักความชอบจริงๆ ?

“ผมผ่านมาหลายอย่างครับ ชีวิตทำอะไรสำเร็จ ไม่สำเร็จ เราต้องมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไม เพราะอะไรที่เราไม่ได้รักมัน ถ้าเป้าหมายมันตั้งเป็นเงิน มันไม่ได้สำเร็จง่ายขนาดนั้น พอเราไม่รักมันทำได้แป๊ปนึง มันไม่สำเร็จก็เบื่อและต่อไปคือการดันทุรัง ต่อให้บางครั้งมันไม่สำเร็จแต่เรารักมัน เราก็ยังอยากทำมันต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้มีโอกาสจะชนะมากกว่าเยอะ”

สิ่งที่ตั้งใจทำแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เราฮีลใจตัวเองอย่างไร ?

“มีแหละ บางครั้งเราตั้งเป้าหมายเราอยากจะเป็นอะไรยังไง ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่เราคิดเราก็แอบเฟล แต่วันนี้ผมโตมากกว่าที่ผมจะมานั่งคิดจุกจิกแล้ว ทุกอย่างในชีวิตถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง โทษนะ ช่างแม่งแล้ว อย่างน้อยเราตอบตัวเองได้ว่า เราทำดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าไม่ทำมีโอกาสแล้วมานั่งบ่นว่า น่าจะทำอย่างนั้น อันนั้นไม่ใช่

แต่ทำดีที่สุดแล้วสุดกำลังมนุษย์แล้ว มันได้แค่นี้มันก็คือแค่นี้ จะไปต่อป่ะละ ไปต่อก็ทำต่อดิ อดีตมันกำหนดปัจจุบัน ก็อดีตผมประมาณนั้นผมก็ได้ประมาณนี้ แต่อนาคตเป็นเรื่องของวันนี้แล้ว อันนั้นไม่สำคัญ มันสำคัญวันนี้ บ้านต้องเสร็จก็เลยมาร้องเพลงครับ(หัวเราะ)”

ฝากผลงานเพลง รางวัลที่หนึ่ง ?

“ฝากเพลงนะครับ รางวัลที่หนึ่ง เป็นเพลงเพราะๆ ฟังง่าย ทุกคนสามารถมอบให้กับใครก็ได้ที่เรารัก รับรองคนที่รับเพลงนี้ยิ้มแก้มบานแน่นอนครับ และสามารถติดต่องานได้ทุกรูปแบบครับ เดี่ยวก็ได้ แบบวงก็ได้เร็วๆ นี้ และสามารถติดตามผลงานไมค์ได้ ปีนี้มีละครเรื่อง ในรอยทราย กำลังถ่ายทำอยู่ฝากด้วยนะครับ”

Next Post

คนดูเป็นล้าน! "น้องณดา" รีวิวเป็นภาษาอังกฤษ พูดคล่องมาก ปรบมือให้รัวๆ เลย

เรียกว่าฉายแววมาเต็มมากจริงๆ สำหรับ น้องณดา ลูกสาวคนโตของ กบ สุวนันท์ กับสามีหนุ่ม บรู๊ค ดนุพร ที่ตอนนี้เริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงของการเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มตัว อีกทั้งยังเปล่งประกายออร่าความสวยมาแบบจัดเต็มอีกด้วย ล่าสุด น้องณดา ก็ได้เผยคลิปขณะที่นั่งคู่อยู่กับน้องชาย น้องณดล จากนั้นก็ได้พูดแนะนำตัวและรีวิ […]