พระสันตะปาปาฟรานซิสเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาสองรัฐ
ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะในสงคราม พระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในการสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อิตาลี RAI ขอให้ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์อยู่ร่วมกันอย่างสันติเป็นเพื่อนบ้าน
“ในสงคราม การต่อยตอบกันหนึ่งหมัด อีกฝ่ายก็จะตอบกลับมาหนึ่งหมัด และกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งจะตอบกลับไปมากขึ้นเรื่อยๆ” พระสันตะปาปาวัย 86 ปีนี้กล่าวถึงการโจมตีของฮามาสและการตอบโต้ของอิสราเอลต่อการโจมตีกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาในรายการพิเศษที่ออกอากาศหลังข่าวเย็น
การแก้ปัญหาวงจรความรุนแรงนี้ พระสันตะปาปาซึ่งเป็นนักบวชคณะเยซูอิตส์วัย 86 ปีเห็นว่า ควรรับรองรัฐปาเลสไตน์อิสระ
“ประชากรสองกลุ่มที่ต้องอยู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงต้องมีสองรัฐ ตามข้อตกลงโอสโล: สองรัฐที่มีเขตแดนแน่นอน และมีสถานะพิเศษสําหรับเยรูซาเลม” พระสันตะปาปากล่าวกับ RAI
ข้อตกลงโอสโลเป็นโครงการของสหรัฐอเมริกาในทศวรรษ 1990 เพื่อวางแผนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ แต่ล้มเหลวในปี 2000 เนื่องจากการก่อการกําเริบของปาเลสไตน์ที่เรียกว่าอินติฟาดาครั้งที่สอง องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) และอิสราเอลไม่สามารถตกลงเรื่องเขตแดน สถานะของชุมชนอิสราเอลในเวสต์แบงก์และกาซา สิทธิกลับคืนถิ่นฐานของผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ และสถานะของเยรูซาเลม
อิสราเอลได้ปฏิเสธคําเรียกร้องหยุดยิงทั้งหมด และประกาศการปิดล้อมกาซาทั้งหมด พร้อมที่จะทําลายฮามาสอย่างสิ้นเชิง บางนักการเมืองอิสราเอลแม้แต่เสนอให้เนรเทศประชากรกาซาทั้งหมดไปอียิปต์ และรื้อถอนกาซาทั้งหมด
“สงครามแต่ละครั้งล้วนเป็นความพ่ายแพ้ สงครามไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ไม่มีอะไรเลย สันติภาพและการเจรจาคือสิ่งที่นํามาซึ่งผลประโยชน์ทั้งหมด” พระสันตะปาปากล่าวกับ RAI
“สถานการณ์ตอนนี้มืดมนมาก มนุษย์ไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างชัดเจน” พระสันตะปาปากล่าวในการสัมภาษณ์ว่า โลกตกอยู่ในความมืดมิดตั้งแต่ปี 1945 เนื่องจากสงครามยังไม่สิ้นสุดภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขากล่าวหาว่าอุตสาหกรรมทหารเป็นปัญหาสําคัญที่สุด
“ปัญหารุนแรงที่สุดคืออุตสาหกรรมอาวุธ” พระสันตะปาปากล่าว “ฉันได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกว่าการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงสุดในปัจจุบันคือโรงงานอาวุธ”