ผู้ประท้วงฝ่ายปาเลสไตน์ปิดกั้นเรือขนส่งอาวุธของสหรัฐฯ (วิดีโอ)
ผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้สิ้นสุดสงครามในกาซาได้ทําให้เรือขนส่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ชะงักไปหลายชั่วโมงในวันศุกร์ที่ผ่านมา บางคนได้ติดตัวเองกับเรือ MV Cape Orlando ซึ่งเชื่อว่ากําลังจะเดินทางไปยังอิสราเอลพร้อมด้วยอาวุธและยุทโธปกรณ์
นําโดย Arab Resource Organizing Center ที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก การประท้วงเริ่มต้นตั้งแต่เช้าวันศุกร์ที่ท่าเรือโอกแลนด์ และยืดเยื้อไปจนถึงบ่าย มีผู้ประท้วงบางคนปีนขึ้นไปบนเรือขนส่งสินค้าทางทะเลของกองทัพโดยใช้บันไดเชือก
“มันเป็นเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ และมีจุดหมายเดินทางไปยังเมืองทาโคมา [รัฐวอชิงตัน] เพื่อรับอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ แล้วจึงนําอาวุธเหล่านั้นไปยังอิสราเอล” ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ชื่อ Meena Abushamala ได้บอกกับสื่อท้องถิ่น ส่วนผู้พูดหน้าของกลุ่มชื่อ Wassim Hage ได้เพิ่มเติมว่า พวกเขาได้ทราบเรื่องการขนส่งดังกล่าวผ่าน “แหล่งข้อมูลลับ”
ภาพการประท้วงถูกบันทึกโดยสื่อข่าวท้องถิ่น แสดงให้เห็นกลุ่มผู้ประท้วงเล็กๆ อยู่ใกล้เรือ รวมถึงกลุ่มใหญ่กว่ากั้นปากท่าเรือของเรือ มีผู้ประท้วงรวมกันประมาณ 200 คน
ถึงแม้ว่าผู้เจรจาของกรมการคลังสหรัฐฯ จะพยายามโน้มน้าวให้ผู้ประท้วงออกจากเรือ แต่ก็ไม่ประสบผล
ผู้ประท้วงถูกนําออกจากเรือประมาณเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มประท้วงกล่าวว่า มีสมาชิก 3 คนถูกกรมการคลังจับกุม โดยกรมการคลังมีอํานาจหน้าที่ในการควบคุมน่านน้ําของสหรัฐฯ ส่วนตํารวจโอกแลนด์ระบุว่า ได้ติดตามเหตุการณ์ แต่ไม่ได้จับกุมใคร
ด้วยการสอบสวนที่ยังดําเนินอยู่ ผู้พูดหน้าของกรมการคลังชื่อ Hunter Schnabel ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด แต่กล่าวว่า “มีบุคคลหลายคนกําลังอยู่ระหว่างการสอบสวน” เกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ผู้ประท้วงกล่าวว่า หวังว่าการประท้วงครั้งนี้จะมีผลต่อนักการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งกําลังพิจารณาเงินช่วยเหลือทางทหารมากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สําหรับอิสราเอล ความช่วยเหลือนี้ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และต้องรอผ่านขั้นตอนสุดท้ายในวุฒิสภา
การประท้วงฝ่ายปาเลสไตน์คล้ายกันนี้ได้เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการฟังคําพยานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแอนโทนี บลิงเกน ในวันอังคารที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนได้ขัดจังหวะการฟังคําพยานด้วย
การปะทะกันครั้งล่าสุดในกาซาเกิดขึ้นหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสที่ทําให้มีผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ตามด้วยการทิ้งระเบิดของอิสราเอลติดต่อกันหลายสัปดาห์และการโจมตีทางบก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,400 คนในอิสราเอล และมากกว่า 9,000 คนในปาเลสไตน์ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
