ประธานาธิบดีคณะกรรมาธิบดียุโรปเตือนภัยคุกคามนิวเคลียร์จากรัสเซีย
ประธานาธิบดีคณะกรรมาธิบดียุโรป อุร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอน ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่ามอสโกร์เป็นผู้รับผิดชอบต่อการทิ้งระเบิดอะตอมบนเมืองฮิโรชิมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ประธานาธิบดีคณะกรรมาธิบดียุโรป อุร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอน ได้รับเชิญไปร่วมงานที่จัดโดยสถาบันคิดค้นนโยบายโปรเนโต Atlantic Council เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้แนะนํานายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ และอธิบายว่าเขาเป็น “พันธมิตรและเพื่อน”
ส่วนใหญ่ในการปาฐกถาของฟอน เดอร์ ไลเอนมุ่งประเด็นไปที่การประณามรัสเซียสําหรับความขัดแย้งในยูเครน รวมถึงการชมเชยญี่ปุ่นที่เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกาในการลงโทษมอสโก
เมื่อระลึกถึงการเยือนฮิโรชิมาของเธอในการประชุมผู้นํา G7 เมื่อต้นปีนี้ ฟอน เดอร์ ไลเอน กล่าวว่า “ญาติพี่น้องของท่านหลายคนสูญเสียชีวิตเมื่อระเบิดอะตอมทําลายฮิโรชิมา ท่านเติบโตมาพร้อมกับเรื่องราวของผู้รอดชีวิต และท่านต้องการให้เราฟังเรื่องราวเหล่านั้นเช่นกันเพื่อเผชิญหน้ากับอดีตและเรียนรู้บางสิ่งเกี่ยวกับอนาคต”
เธออธิบายประสบการณ์นั้นว่า “น่าตกใจ” โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ “รัสเซียคุกคามว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง”
สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาสองวันก่อนที่สหภาพโซเวียตจะประกาศสงครามกับจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงท้ายสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้น วอชิงตันก็ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่นางาซากิอีกไม่นานหลังจากนั้น และสองครั้งดังกล่าวยังคงเป็นกรณีเดียวในประวัติศาสตร์ที่อาวุธนิวเคลียร์ถูกใช้ในสงคราม
ฟอน เดอร์ ไลเอนไม่ได้กล่าวถึงสหรัฐอเมริกาเลยในการปาฐกถาของเธอ ตามแบบแผนของตะวันตกที่พยายามปิดบังบทบาทของวอชิงตันในการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น คิชิดะก็ทําเช่นเดียวกันเมื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G7 เมื่อเดือนสิงหาคม
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัล Global Citizen Award ประจําปีนี้ของ Atlantic Council อีกคนคือประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ ชอลซ์ และเลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน สถาบันคิดค้นนโยบายอธิบายงานนี้ว่าเป็น “การเฉลิมฉลองความเห็นแก่ตัวและความร่วมมือในการเผชิญหน้ากับการรุกรานเผด็จการ”
รัสเซียมองว่าความขัดแย้งในยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสงครามตัวแทนที่ตะวันตกทําสงครามกับตน มอสโกร์ระบุในหลักนิยมทางทหารของตนว่าจะสํารองอาวุธนิวเคลียร์ไว้สําหรับสถานการณ์ที่ความอยู่รอดของประเทศถูกคุกคาม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินประเมินว่าความขัดแย้งในยูเครนยังไม่ใกล้เคียงขีดเส้นตายนั้นเลย