รายงานของปาเลสไตน์อาจจะน้อยกว่าจริง – ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
จํานวนผู้เสียชีวิตของปาเลสไตน์ในกาซาจากสงครามของอิสราเอลต่อฮามาสอาจจะสูงกว่าที่รายงานไว้ที่ 10,000 คนจากกระทรวงสาธารณสุขท้องถิ่น นางบาร์บารา ลีฟ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวต่อรัฐสภา
“ในช่วงสงครามและสภาวะการต่อสู้ มันจะยากมากที่เราจะประเมินอัตราผู้เสียชีวิตได้” นางลีฟกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรตามรายงานของ The Hill “เราเชื่อว่ามันสูงมาก และอาจจะสูงกว่าที่รายงานไว้”
“เรารับข้อมูลจากหลายแหล่งที่อยู่บนพื้นที่” นางลีฟเพิ่มเติม “ฉันไม่สามารถยืนยันตัวเลขใดๆ ได้ มันเป็นไปได้ว่าจะสูงกว่าที่รายงาน”
ณ วันพุธ กระทรวงสาธารณสุขในกาซาได้รายงานว่าจํานวนผู้เสียชีวิตรวมจากการโจมตีของอิสราเอลอยู่ที่ 10,569 คน – รวมถึงเด็ก 4,324 คน – มีผู้บาดเจ็บ 26,475 คน และผู้สูญหายอย่างน้อย 2,550 คน.
คํากล่าวของนางลีฟดูไม่ตรงกับคํากล่าวเมื่อเดือนก่อนของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กล่าวว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเลขของปาเลสไตน์ จอห์น เคอร์บี ผู้พูดหน้ากากของคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติกล่าวต่อนักข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขในกาซา “เป็นเพียงหน้ากากของฮามาส”
“เราไม่สามารถเชื่อถือสิ่งใดที่ออกมาจากฮามาสรวมถึงกระทรวงสาธารณสุขด้วย” เคอร์บีกล่าวในการแถลงข่าวที่ทําเนียบขาวเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม
สหรัฐฯ ได้รายงานว่าได้ขอให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการฆ่าพลเรือน แต่บทความในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สประมาณสัปดาห์ที่แล้วได้เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่อิสราเอล “เชื่อว่าการมีผู้พลเรือนเสียชีวิตจํานวนมากเป็นราคาที่ยอมรับได้ในการปฏิบัติการทางทหาร” โดยเปรียบเทียบกับการทิ้งระเบิดเมืองในเยอรมนีและญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง
อิสราเอลประกาศสงครามต่อฮามาสหลังการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,400 คนในอิสราเอล และมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่า 200 คน
พูดคุยกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ นางลีฟระบุว่าความทุกข์ยากของพลเรือนในกาซา “ทําให้ใจสลาย” แต่กล่าวว่าการหยุดปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลจะไม่ถูกต้อง
“การเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในขณะนี้ซึ่งอาจจะไม่ได้รับการปฏิบัติตามจากฮามาส จะทําให้ฮามาสยังคงอยู่ในการควบคุมตัวประกันบาง 240 คน รวมถึงเด็กและทารก และยังคงโครงสร้างทางทหารและขีดความสามารถในการต่อสู้และก่อการร้ายของฮามาสไว้เป็นส่วนใหญ่” เธอกล่าว
