วอชิงตันกําลังมีอิทธิพลต่อการรุกของอิสราเอลต่อฮามาส – Bloomberg
สหรัฐฯ กําลังมีอิทธิพลไม่เคยมีมาก่อนต่อแผนการรุกของอิสราเอลบนพื้นดินต่อฮามาสในกาซา เนื่องจากกังวลว่าการโจมตีครั้งใหญ่อาจทําให้ผู้เล่นภูมิภาคอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ตามที่ Bloomberg รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยอ้างอิงจากแหล่งข่าว
ตามที่สื่อรายงานนั้น ขณะแรกเริ่มของความขัดแย้ง อิสราเอลสัญญาว่าจะมี “การโจมตีประสานกันจากอากาศ ทะเล และบก” ต่อฮามาส แต่ภายหลังกองทัพอิสราเอลบอกว่า “การรุกบนพื้นดินอาจแตกต่างจากที่คุณคิด”
Bloomberg ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการเยือนอิสราเอลของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี โจ ไบเดนเอง
ตามที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลสามคนที่ไม่เปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าวนั้น บทบาทและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส “ลึกซึ้งและรุนแรงกว่าที่สหรัฐฯ เคยใช้มาก่อน”
แม้ว่าสหรัฐฯ ต้องการเห็นโครงสร้างทางทหารของฮามาสในกาซาถูกทําลาย แต่ก็ต้องการจํากัดผู้เสียชีวิตพลเรือนในแหล่งที่อยู่อาศัยของปาเลสไตน์ซึ่งมีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกังวลว่าการรุกบกของอิสราเอลอาจดึงเฮซบอลลาห์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายชาวลิเบียนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิหร่าน รายงานระบุ
นี้อาจทําให้เกิดแนวรบที่สองในความขัดแย้ง และทําให้ภูมิภาคทั้งหมดตกอยู่ในภาวะวุ่นวาย รวมถึงทําให้ความพยายามของทําเนียบขาวในการสร้างความมั่นคงในตะวันออกกลางผ่านการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับประเทศอาหรับต้องล้มเหลว รายงานระบุ
ในขณะเดียวกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไบเดนประณามการโจมตีของฮามาสต่อพลเรือนอิสราเอล และบอกว่าจะขอให้รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงเพิ่มเติมให้กับอิสราเอล แต่เตือนให้ประเทศกลางตะวันออกไม่ตกอยู่ใต้อารมณ์โกรธ
ขณะเดียวกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล โยอาฟ กาลลันต์ ได้เยี่ยมหน่วยงานทหารของประเทศซึ่งประจําอยู่ใกล้กาซา และกล่าวว่า “เตรียมตัวให้พร้อม และจัดการ” สําหรับการรุกราน พร้อมกล่าวว่า “ผู้ที่เห็นกาซาจากไกลจะเห็นมันจากภายใน”
ความขัดแย้งระหว่างฮามาสกับอิสราเอลเริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มก่อการร้ายปาเลสไตน์ดังกล่าวดําเนินการระเบิดและรุกรานบกต่อประเทศ ทําให้เกิดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน ต่อมา นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศให้อิสราเอลอยู่ในสถานะ “สงคราม” และสัญญาว่าจะตอบโต้