ยืนหนึ่งรับบทพระเอกละครพีเรียด สำหรับหนุ่มหล่อคารมดี มาริโอ้ เมาเร่อ ที่แทบจะไม่ค่อยได้เห็นเจ้าตัวในบทบาทหนุ่มสมัยใหม่ ใส่สูทผูกไทด์ใช้ชีวิตใจกลางเมืองสักเท่าไหร่ ล่าสุดพาย้อนยุคกลับไปยังสมัยรัชกาลที่ 3 กับผลงานละครเรื่อง หมอหลวง กลับมาประกบคู่นางเอกสาว คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส อีกครั้ง หลังเคยร่วมงานกันมาแล้วในละครเรื่อง ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง แถมได้กระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ เป็นอย่างมากด้วย
เมื่อ มีโอกาสเจอ มาริโอ้ จึงได้พูดคุยถึงการทำงานสนุกๆ ในละครเรื่อง หมอหลวง ที่เริ่มออกอากาศให้แฟนๆ ได้ชมกันแล้ว ทางช่อง 3HD รวมทั้งความรู้สึกได้กลับมาร่วมงานกับ คิมเบอร์ลี่ ในละครพีเรียดย้อนยุค ซึ่งคาแร็กเตอร์ทั้งคู่ต้องมีความรู้ทางการแพทย์ต่างยุคต่างสมัยกันด้วย และไม่พลาดอัปเดตแพลนอนาคต กับหวานใจคนสวย จันจิ จันจิรา ให้ได้ฟังกันพอหอมปากหอมคอ
“หมอหลวง” ไม่ใช่เป็นภาคต่อจาก “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ?
“เรื่องใหม่เลยฮะ มีเหมือนเดิมบ้าง และก็มีใหม่ๆ อีกหลายคนเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นภาคต่อ แต่พอได้อ่านแล้วก็รู้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย และก็ที่สำคัญคือคนละยุค คนละสมัยเลยครับ เพราะอย่างทองเอกเป็นในยุครัชกาลที่ 5 ของเราหมอหลวง ยุครัชกาลที่ 3 ครับ เป็นเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยเหมือนกัน
แอบถามผู้จัดบ้างไหม ทำไมยังเป็นเรื่องเกี่ยวหมออยู่ ?
“คือจริงๆ แล้วผมคุยกับพี่ชุ พี่ชุบอกว่าคือเรื่องราวแล้วก็การรักษาต่างๆ ของการแพทย์แผนไทย มันยังมีอีกเยอะที่น่าสนใจมากๆ ครับ พี่ชุก็เลยอยากจะเล่าต่อ ยังมีการรักษาอีกหลายรูปแบบที่อยากจะนำเสนอออกมา คิมเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ยุคปัจจุบันครับ แล้วก็ทำให้เราเหมือนแอบรู้อนาคตจากเพื่อนเรา ที่เขามาเล่าให้ฟัง เราก็ว้าว แต่เราก็พยายามคิดภาพตาม”
มาริโอ้รับบทเป็นคุณหมอในสมัยรัชกาลที่ 3 ?
“จริงๆ ผมเป็นนักเรียนหมอครับ คือที่บ้านในตระกูลทองอ้น ผมในเรื่องชื่อ ทองอ้น นะครับ ก็เป็นลูกคนเล็กในหมอตระกูลทอง พ่อชื่อ ทองคำ พี่ชื่อ ทองแท้ น้องชื่อ ทองอ้น ผมทองอ้นเป็นคนที่ เขาเรียกว่าไม่เอาไหนที่สุด เพราะพี่ชายกับพ่อเป็นหมอหลวงแล้ว เราก็เลยมีความคิดว่าหมอหลวงเต็มบ้านเลย จะมีหมอหลวงอีกทำไมเยอะแยะ แต่ว่าจริงๆ แล้วทองอ้นก็เป็นเด็กที่มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนไทยค่อนข้างเยอะ ได้จากพี่ ได้จากพ่อ ได้จากคนอื่นๆ เยอะเลย”
เรื่องนี้รับบทเป็นหมอเหมือนกันทั้งคู่ ต้องทำการบ้านยังไงบ้าง ?
“เยอะครับ ก็ตั้งแต่วันแรกเลยที่เริ่มเหยียบเข้ากองนี้ ก็เริ่มเรียนเลยครับ มีการย่ำข่าง เป็นการรักษาแบบหนึ่งในการคลายเส้นของยุคสมัยนั้น และจะเป็นเหล็กร้อนๆ เลยครับวางไว้กับถ่าน แล้วก็ให้เอาเท้าจุ่มน้ำมัน แล้วก็ผ่านให้ไฟลุกให้เท้ามีความร้อนไปเพื่อคลายเส้น แต่ขนหน้าแข้งก็หายนะครับ ร่วงไปครึ่งขา แต่คือมันเป็นยุคนั้นมันก็เป็นยุคที่ต้องเป็นแบบนี้ครับ”
“ในเรื่องจะมีนักเรียนหมอจริงๆ มาสาธิตให้เราดูตลอด บางทีหมอก็จะฟุบเนี่ยโอ้สบายมาก ไม่ร้อน แต่ผมมองไปที่ขนหน้าแข้งมันยู่ มันคดติดกันไปหมดเลย ลองจริงๆ ไม่ใช่แค่โอ้นะครับ นักเรียนหมอคิ้วบอยทั้งหมดเ เรียนกันหมดขนหน้าแข้งหายหมด แต่คือมันสนุกและมันรู้สึกว่ามันว้าว มันไม่ได้มีแค่นี้ มีแบบใช้ปลิงรักษา เอาปลิงมาเพื่อดูดพิษออก ดูดเลือด บางคนนักเรียนหมอเขากลัวปลิง ปลิงก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ตัวมันเท่ามือเลย ของจริงเลยครับ นักเรียนหมอโดนกัดจริงเลยครับ แผลก็ไม่ได้ปิดเลย”
เรื่องที่แล้วมาริโอ้เก่งเรื่องสนุนไพร เรื่องนี้เก่งด้านไหน ?
คือจริงๆ แล้วทองอ้นก็เป็นคนที่เก่งเรื่องสนุนไพร แต่ว่าไม่ค่อยพูดออกมาให้รู้ เก่งอยู่ข้างใน แต่ไม่ค่อยอยากจะแบบ เขามีปมบางอย่าง เอ้ย บอกไม่ได้ต้องดู ผมเกือบหลุดแล้วเนี่ย”
ต้องลงลึกขนาดไหนกับความรู้เรื่องแพทย์แผนไทย ?
“คือจริงๆ แล้วตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง ก็จะมีนักเรียนแพทย์และก็มีอาจารย์ที่เป็นหมอการแพทย์แผนไทยมาแทบทุกคิวเลยครับ ก็คือมาประกบตลอดในทุกการรักษา ทุกๆตัวยาในการที่จะแบบทำอะไรก็ตาม มันมีผู้เชี่ยวชาญคอยประกบคอยสอนเรา เพราะมันค่อนข้างละเอียดมากๆ ในยุคนั้น
ถ้าในชีวิตจริงเราสามารถนำกลับไปทำเองได้ไหม ?
“สามารถทำได้เอง แต่ว่าถ้าเป็นอะไรที่มันลึกซึ้งก็ไปหาหมอการแพทย์แผนไทยเถอะครับ ในละครจะมีบอกตลอดว่ายาตัวนี้ใช้รักษายังไง สรรพคุณและวิธีการรักษา
ต้องเชือดเฉือนกันด้วยข้อมูลความรู้ที่มาจากคนละยุคกันไหม ?
“จะเรียกว่าเชือดเฉือนมั้ย ก็ไม่ถึงกับเชือดเฉือนครับ แต่ว่าคือเขามีความรู้ในยุคของเขา เราเป็นนักศึกษาเหมือนกัน เราจะให้ความเคารพความรู้ของกันและกัน คือต่อให้เขาพูดมาเราไม่เข้าใจ แต่เราก็พยายามที่จะ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้ คือเราคิดไม่ออกแต่ว่าเราก็พยายามที่จะตามเขาอย่างที่เขาเล่า เพราะความรู้เขาก็เยอะมากเหมือนกัน”
เคมีของเราทั้งคู่ในเรื่องนี้เป็นแนวไหน ?
“เคมีจริงๆ แล้วคือเราเริ่มมาจากเราไปช่วยเขาก่อน คิมเขาหลุดมาแล้วในยุคนั้นมันมีสงครามอยู่ มันมีการสู้รบ มีการฆ่าฟันกันเกิดขึ้น แล้วเราดันไปเจอเขา ไม่รู้หรอกครับว่ามาจากไหน แต่รู้แค่ว่าแต่งตัวแปลก ก็เลยพากลับมาเพราะว่าเห็นเขาเจ็บอยู่ อุ้ย เล่าเยอะไม่ได้ เริ่มจะไปไกลแล้ว”
เป็นละครแนวคอมเมดี้ ใครคอมเมดี้มากกว่ากัน ?
“จริงๆ มันคอมเมดี้ด้วยสถานการณ์มากกว่า ตัวสองคนไม่ได้เป็นคอมเมดี้อะไร มันมีเหตุการณ์แบบยิ่งใหญ่ เรื่องมันมีหลายพาร์ตเลยทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจมากๆ ถามว่าเรื่องนี้ผมถอดเสื้อเยอะมั้ย ถอดเยอะครับ คือไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแก๊งคิ้วบอยด้วย บอกเลยว่าเป็นสีสันและเสน่ห์ของหมอหลวงเลยนั่นแหละครับต้องติดตาม”
กลับมาร่วมงานกับคิมเบอร์ลี่เป็นอย่างไรบ้าง ?
“คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เขาเป็นคนตั้งใจ แล้วเขาเป็นคนที่เวลาเล่นแล้วไม่กั๊ก รู้สึกว่าเขามีความธรรมชาติเวลาเล่นกับคิมมันเหมือนรู้ใจกัน เราเจอกันมาอยู่แล้ว พอจะเข้าฉากดราม่า เราจะรู้ใจ ไม่เล่นกันเยอะ จะเงียบๆ ถ้าเฮฮา เราก็จะเล่นกันเต็มที่ ที่กองมันทำให้เราสองคนจูนกันง่ายมากครับ ทำงานกับน้องง่ายมากๆ”
ฉากเข้าพระเข้านางของคู่เราจะเป็นอย่างไร ?
“มันไม่ได้เป็นความรักที่หวานจัด มันเริ่มจากการเป็นเพื่อนกัน ซึ่งมันก็มีความหวังดีต่อกันและกัน เราก็อยากให้เขามีความสุข เขาก็อยากให้ชีวิตเราดี มันเลยไม่ได้เป็นความรักที่หวานที่สุด มันเป็นความรักที่มีแต่พลังงานดีๆ ให้แก่กันในเรื่อง”
ละครต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพ กลัวคนดูจับผิดไหม ?
“ห่วงครับ อย่างที่บอกว่าว่าเรามีแพทย์มาดูให้หมด ทั้งแพทย์แผนไทย และแผนปัจจุบัน ซึ่งถ้าผิดก็เทคใหม่ บางทีแค่นิดๆ หน่อยๆ แค่เทตัวยาผิด ก่อนหรือหลังกันก็ไม่ได้ ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักการแพทย์ทั้งหมดเลยครับ”
แอบกังวลเรื่องบท หรือแบบแผนวิธีการรักษามากกว่ากัน ?
“ทุกอย่างครับ กังวลทั้งแบบแผน กังวลทั้งบล็อกกิ้ง กังวลทั้งไดอะล็อก กังวลไปหมด เพราะว่าผิดก็ต้องถ่ายใหม่ บางทีกดดันตรงที่ตัวยามีน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด เทพลาดไปเทคนึง ทีมพร็อพมองหน้าเลย เข้าใจใช่มั้ย บทก็ต้องพูดเทยาก็ต้องแต่น้อย ลำบากไปหมด”
จบเรื่องนี้แล้วจะมีเรื่องเกี่ยวกับหมอแบบนี้ให้เราเล่นอีกไหม ?
“ตอนนี้ต้องสนับสนุนยุคของ ร.3 ก่อน ถ้า ร.3 เรตติ้งเยอะๆ อยากจะบอกว่าในยุครัชการที่ 3 น่าสนใจมากๆ เพราะว่ามีเรื่องของการแพทย์แผนตะวันตก และตะวันออกเข้ามาด้วย และก็มีเรื่องสงครามด้วยครับ ฝากละครติดตามชมด้วยมันน่าสนใจมาก แล้วก็ไม่ได้มีละครที่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยแบบนี้บ่อยๆ และยังแพทย์แผนปัจจุบันทุกอย่างมารวมกันอยู่ในภาคนี้ครับ ฝากไว้ด้วย หมอหลวง ไม่ใช่ภาคต่อจากเรื่องที่แล้ว มาดูกันได้เลยครับ ทุกวันจันทร์-อังคาร 2 ทุ่มครับ”
ถามเรื่องหัวใจใกล้ได้ฤกษ์แต่งงานหรือยัง ?
“ยังจะ ยังไม่รีบ แล้วก็ต่างคนต่างทำงานก่อน”
ช่วงหลังดูมีความชื่นชมแฟนสาวมากขึ้นเวลาออกสื่อ ?
“ใช่จะ พูดถึงกันมากขึ้น มันก็นานแล้ว หลายปีแล้ว เราก็ไม่ได้ปิด อาจจะพูดมากขึ้น เปิดมากขึ้น”
หลายคนเริ่มแซว จันจิ มีความเซ็กซี่มากขึ้น ?
“เซ็กซี่มันห้ามกันยากหรือเปล่า มันไม่ใช่ว่า เฮ้ย คุณต้องไม่เซ็กซี่ มันไม่ได้ เขาเซ็กซี่ไง ถามว่าไม้เรียวในมือสั่นมั้ย ไม่นะ ผมไม่ใช้ไม้เรียว มันก็เป็นไอจีเขา ผมว่าเขาโตแล้ว เขารู้ว่าเขาถ่ายแบบไหนและงานเขาเป็นยังไง เขาจัดการได้ ดูแลตัวเองได้”
ความเซ็กซี่เป็นเหตุจันจิเคยเจอโรคจิตDM เขามาปรึกษาเราไหม ?
“ใช่ครับ ก็จะมีคนแปลกๆ ชอบDMมา ผมว่ามันก็ไม่ควรทำให้คนอื่นเขากลัวเวลาเจออะไรแบบนี้ คนแปลกๆ อย่าDMไปหาเขาเลยสงสารเขา สงสารผมด้วย บางทีผมอ่านแล้วผมก็ตกใจน้องเขาเปิดให้ดู เราก็รู้สึกว่าแปลก ไม่ได้โกรธนะครับ แต่รู้สึกว่าทำทำไม”
เวลาเขาจะไปไหนมาไหนเป็นห่วงเขาไหม ?
“แต่น้องเขาก็มีคนดูแลอยู่แล้ว มีผู้จัดการ มีคนรถ ปลอดภัยอยู่แล้ว เขาก็ทำงานมาตั้งแต่เด็กดูแลตัวเองได้ และเป็นคนตั้งใจทำงาน ตั้งใจกับงานที่ได้รับ”
เป็นห่วงเรื่องอะไรจันจิมากที่สุด ?
“ก็น่าจะเป็นเรื่องรับงาน เพราะช่วงนี้รับเยอะอยู่ อยากให้เขารับงานสบายๆ ตัวกว่านี้ เพราะรู้สึกว่าเขางานแน่นเหมือนกันช่วงนี้ แต่งานแน่นก็ยังมีเวลาให้กันครับ”
ช่วงหลังเขาก็เล่นเลิฟซีนหนักกว่าโอ้อีกนะ ได้ดูไหม ?
“ไม่ได้ดูครับ ถามว่าเขาได้บอกเรามั้ยว่าจะมีฉากแบบนี้ มีครับ เขาก็เล่าให้ฟังบางทีก็แลกเปลี่ยนกัน ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้วครับ เพราะมันเป็นงาน งานตรงนี้เราก็รู้ว่ามันคืองาน เราไม่ได้มองไปอย่างอื่น ผมว่ามืออาชีพก็ต้องรู้ว่าเราไปทำงานก็คืองาน ไม่คิดนอกเรื่อง”
ตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน แต่แอบมีแพลนไว้บ้างไหม ?
“ผมว่ามันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนก็ต้องมี แต่แค่โอ้รู้สึกว่า โอ้ยังไม่อยากไปเร่งรีบว่าต้องมีเลย แต่สำหรับผม ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็ต้องอยู่ในเวลาที่เหมาะสมที่เราพร้อม ไม่ใช่ว่าเราไปแล้วเราไม่พร้อม”
“ส่วนเรื่องที่เขาไปฝากไว้แล้ว มันเป็นเรื่องของสุขภาพของเขาด้วย เพราะเขากังวลว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้มีปัญหาเรื่องไข่ เขาก็ปรึกษาแพทย์ดูแลตามขั้นตอนของเขา มันเป็นเรื่องของร่างกายที่เขาดูแลมากกว่า เพราะเดี๋ยวนี้มันเช็คได้เทคโนโลยีมันไปไกล เขาก็ต้องทำตั้งแต่สาวๆ ครับ”