เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทางผ่อนคลายกิจการและกิจกรรม มาตรการป้องกันโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาและไปท่องเที่ยวว่า เปิดในเรื่องการสัญจร การเดินทางในทุกพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีมาตรการรองรับว่าจะปกป้อง ป้องกัน โควิด-19 ได้อย่างไร ซึ่งกิจกรรมต่างๆก็กำลังทยอยดำเนินการในการหารือในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน
“สิ่งสำคัญที่สุดเป้าหมายสุดท้ายคือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในระลอกใหม่ขึ้นมาอีก เพราะเป็นการเคลื่อนที่ของประชาชนจำนวนมากในช่วงสงกรานต์ ซึ่งผมก็อยากให้ช่วงสงกรานต์เศรษฐกิจเดินหน้า ทั้งเรื่องการค้าขาย การท่องเที่ยว โรงแรมต่างๆ ให้มีรายได้ เพื่อฟื้นฟูสร้างรายได้ที่หายไปช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 หลายอย่างกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทันเวลา และจะมีความชัดเจนก่อนสงกรานต์แน่ เพื่อให้ทันต่อการวางแผนเดินทางล่วงหน้า รวมถึงการจองที่พักโรงแรม ไม่ใช่ประกาศตอนวันสงกรานต์”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
- ไทยป่วยโควิดเพิ่ม71 ส่วนใหญ่จากระบบเฝ้าระวัง-บริการ
- เคลียร์ข้อสงสัย!เหตุใดภาคเอกชนยังไม่ให้ภาคเอกชนนำเข้า "วัคซีนโควิด"
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของวัคซีน เมื่อเช้าก็ได้มีการประชุมเร่งรัดในเรื่องการพิจารณาพาสปอร์ตวัคซีนโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จะมีการกำหนดมาตรฐานกลางออกมา เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นพาสปอร์ตปกติ แต่จะดูเรื่องการฉีดวัคซีนครบหรือยัง เพื่อลดปัญหาการกักตัวในสถานที่รัฐกำหนด โดยกำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่
สำหรับเรื่องการนำเข้าวัคซีนเมื่อเช้าวันที่ 8 มี.ค.ได้เรียกผู้ประกอบการโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหรือกลุ่มต่างๆที่จะนำวัคซีนเข้ามาในประเทศ ก็ต้องเป็นวัคซีนที่มีการรับรอง และต้องสามารถชี้แจงได้ว่าวัคซีนได้มาได้อย่างไร จำนวนเท่าไหร่ มีการพูดคุยเจรจาถึงไหนอย่างไร เพราะหากเปิดให้นำเข้าโดยอิสระจะควบคุมกันลำบาก เนื่องจากวันนี้มันมีวัคซีนหลายตัวที่ยังไม่ผ่านการรับรอง ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่ามีการปลอมปนแล้วหรือยัง จึงจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นใคร เอื้อประโยชน์ให้ใคร นั้นคือสิ่งที่ดำเนินการมาตลอดในทุกๆ เรื่อง